Beloved little Treasure เธอคือสมบัติของผม
[English
translator thanks, trungtnguyen123.org]
บทที่ 88
“เธอพูดอะไรนะ” ฮาวเหยียนเชอมองหน้าเธอ
เขาหยิกก้นเธอเป็นการลงโทษที่กล้าพูดว่าเขาบ้า
“คุณเป็นคนผิดนะคะ” เธอปิดหน้าตัวเองอีกครั้ง เขาถอนหายใจสุดท้ายก็ตัดสินใจลุกจากเตียงนอนเดินกลับไปที่ห้องทำงาน
ตรงไปที่ตู้เย็นรูปหมูของเธอ
เปิดมันออกและหยิบพุดดิ้งออกมาจากนั้นก็ย้อนกลับไปที่เตียง
“เลิกร้องไห้ซะที
ใส่เสื้อผ้าและลุกมากินพุดดิ้งนี่มา” เขาวางพุดดิ้งไว้ที่โต๊ะข้างเตียงและเดินไปลูบผมเธอเบาๆ
“เสื้อผ้าไหนล่ะคะ
คุณฉีกมันออกเป็นชิ้นๆหมดแล้ว”
เจ้านายหนุ่มเลยเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อเชิ้ตสีดำของเขาออกมาส่งให้เธอ
กุนกุนรับเสื้อนั้นมาแต่เธอกำลังมองหาเสื้อในของเธออยู่
เธอคิดว่ามันยังไม่ฉีกขาดแต่เขาถอดมันแล้วโยนไปไหนแล้วไม่รู้
สองมือปิดหน้าอกบวกกับท่าทางง่วนหาของของเธอทำให้ลมหายใจของเขาสะดุด
“แล้ว....ของฉันละคะ...ฉันหาไม่เจอ”
“เธอหาอะไร”
ฮาวเหยียนเชอถอยออกมาปล่อยให้เธอหาสิ่งที่ต้องการด้วยตัวเอง
เขากอดอกยืนมองยัยตัวน้อยผลิกตัวหาของไปเรื่อย ขณะที่เขาเองก็มองไปรอบๆเตียงและเป็นเขาเองที่เห็นเสื้อชั้นในสีดำของเธอโดนตัวเธอทับไว้อยู่เลยชี้ไปที่ก้นของเธอ
กุนกุนเลยยกตัวเธอขึ้นและหยิบเสื้อในของเธอออกมาจากก้นที่ทับไว้
“มันแบนหมดแล้ว...”
“ก็เธอนั่นแหละที่นั่งทับมันจนแบน”
เธอทำหน้าบึ้งอย่างไม่อยากจะยอมรับ
จนทำให้ฮาวเหยียนเชอสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆเพื่อทำให้ตัวเองใจเย็น
“ก็ถ้าเธอรีบสวมมันเข้าไปเร็วๆ
มันก็จะไม่แบนแล้วไงเด็กโง่” คำพูดของเขาทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาด้วยความอาย
“รีบใส่เสื้อผ้าซะ เร็วๆเข้า” เขาหันหลังให้เธอกุนกุนเลยรีบเสื้อชั้นในและสวมเสื้อเชิ้ตสีดำของเขาทับ
เสื้อของเขาใหญ่จนแทบจะเป็นเสื้อนอนเธอได้เลย
“เสื้อคุณมันใหญ่เกินไปค่ะ” คนเป็นเจ้านายหันกลับมาเห็นกุนกุนที่กำลังเกาจมูกแดงๆของเธอเบาๆ
อีกมือจับเสื้อของเขาขยับไปมาเธอคงไม่รู้ตัวว่าท่าทางของเธอเหมือนจะเชื้อเชิญให้เขาเดินเข้าไปใกล้และถอดเสื้อที่เพิ่งใส่ออกมา
เขายืนมองเธออยู่นานจนกุนกุนต้องเรียก
“นายน้อยคะ”
ฮาวเหยียนเชอเลยเดินไปนั่งลงบนเตียงและดึงเธอให้นั่งลงบนตักเขา
เนื่องจากกุนกุนสวมแต่เสื้อเขา แต่ท่อล่างของเธอไม่มีอะไรปกปิดทำให้เขาลูบไล้บั้นท้ายของเธออย่างเพลินมือ
เขารู้สึกว่าเธอยังสวมเศษกระโปรงนั้นอยู่ เขาเลยดึงมันออกจากเอวเธอแล้วเอามาปิดต้นขานวลเนียนราวกับน้ำนมที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อเชิ้ตเขาอย่างเย้ายวนมือให้สัมผัส
กุนกุนขยับบั้นท้ายของเธออย่างไม่สบายตัวเพราะโล่งๆเธอเอ่ยออกมาเบาๆว่า
“ก้นของฉันเย็นจังเลยค่ะ
ฉันอยากใส่กางเกง”
ชายหนุ่มหันไปหยิบพุดดิ้งมาส่งให้มือเธอ “เงียบซะแล้วกินนี่”
เมื่อมีขนมส่งมาถึงมือ
เธอเลยไม่สนใจเรื่องกางเกงชั้นในอีกและลงมือกินพุดดิ้งช้าๆคำต่อคำ
แบบสบายใจบนตักเขา ปล่อยให้เขามองเธอละเลียดกิน
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ริมฝีปากแสนหวานที่เขารับรู้รสชาติว่ามันรู้สึกดีแค่ไหนตอนได้ลองชิม
พลันก็คิดว่าไปว่าผู้หญิงคนนี้กล้าหลอกเขาเพียงเพราะของหวานพวกนี้
แต่เขาเลือกจะไม่สนใจเรื่องอื่นอีกตราบใดที่มีเธออยู่ข้างกาย
“อืม..หมดแล้วค่ะ” เธอตักคำสุดท้ายเข้าปากและแลบลิ้นเลียรอบปากพร้อมทั้งยื่นถ้วยเปล่ากลับไปให้เขา
เธอเริ่มงอแงอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเงียบไป
“บอกฉันมาสิคะว่าฉันจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้ยังไงกัน”
ฮาวเหยียนเชอเริ่มอ่อนใจ
เขาอุ้มเธอลงจากตักและวางลงบนเตียง
“งั้นเธอก็อยุ่ที่นี่ร้องไห้ไปตลอดคืนคนเดียวแล้วกัน”
“แล้วนั่นคุณจะไปไหนคะ”
“กลับบ้าน” พูดจบก็เดินหันหลังเตรียมจะออกจากห้องไปจริงๆอย่างที่ว่า
สาวน้อยรีบส่งเสียงประท้วงเธอกระโดดลงจากเตียงและวิ่งไปเกาะแขนเขาไว้
ฮาวเหยียนเชอหยุดนิ่งแต่ยังไม่ได้หันกลับมา
“ฉันก็อยากกลับบ้านเหมือนกันนะคะ
ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่คนเดียว”
“ก็เธออยากร้องไห้ไม่ใช่เหรอ
อยู่ที่นี่ไปแล้วกัน” เขาชำเลืองมองเธอและดึงมือเธอออกจากแขนของเขา
“ทำไมล่ะคะ”
“เธอร้องไห้น่ารำคาญ”
“แต่ฉันอยากกลับบ้านพร้อมคุณนะคะ”
กุนกุนยอมปล่อยแขนแต่เธอเปลี่ยนไปกอดเอวเขาไว้แทน
ใบหน้ากลมของเธอแนบชิดติดกับแผ่นหลังของเขาราวกับต้องการให้เขาเลือกว่าจะพาเธอกลับบ้านหรือจะอยู่กับเธอที่นี่
“ถ้าเธอหยุดร้องไห้ ฉันจะพาเธอกลับบ้าน
ตกลงมั้ย” กุนกุนรีบพยักหน้าตอนนี้เธอกอดเขาจากด้านหลังทำให้ไม่เห็นรอยยิ้มของฮาวเหยียนเชอตอนที่เธอบอกว่าอยากกลับบ้านกับเขา
กุนกุนยอมปล่อยแขนจากเอว
“แต่ฉันไม่อยากออกไปในสภาพนี้นะคะ
คนอื่นจะเข้าใจผิดได้”
“งั้นก็อยู่ที่นี่ไปแล้วกัน”
จู่ๆเขาก็อารมณ์เสียขึ้นมา เธอไม่เห็นสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงตอนสวมเสื้อของน่าหลิวติงตูกลับมาที่บ้าน
แต่ตอนนี้ดันมาคิดมากเพราะใส่เสื้อของเขางั้นเหรอ เธอเดินกลับไปที่เตียงเงียบๆ
ฮาวเหยียนเชอเลยหุนหันเดินออกไปจากห้องนอน
แถมยังผลักประตูปิดอย่างแรงแบบไม่ได้สนใจว่ามันจะพังคามือเขาหรือไม่
กุนกุนมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม
จินตนาการของเธอเริ่มโลดแล่นเมื่อคิดไปถึงหนังสยองขวัญที่บังเอิญได้ดู
เหยื่อในเรื่องนั้นต้องวิ่งหนีการไล่ล่าของฆาตกรโรคจิตคนเดียวในตึกใหญ่โต
เวลา 3 ทุ่ม ณ ห้องทำงานในคฤหาสน์ตระกูลฮาว บอดี้การ์ดทั้งสองยืนตัวแข็งและจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
พวกเขาโดนเรียกให้มายืนต่อหน้าเจ้านายมาหลายชั่งโมงนับตั้งแต่เขากลับมาคนเดียว
เหล่าพ่อบ้านและสาวใช้ไม่มีใครกล้าเสนอหน้าออกมาเพราะกลัวจะโดนลูกหลงจากพายุอารมณ์ของเจ้านาย
“พวกนายสองคนไม่รู้วิธีการเคาะประตูหรือไง”
“พวกเราขอโทษครับนายน้อย
คือพวกเราร้อนใจกันมากที่ตามหากุนกุนไม่เจอ
เราเลยจะย้อนกลับมาหาที่ห้องอีกทีแต่ก็ลืมเรื่องเคาะประตูไปเลย” เสียงของยี่ทูที่ใจกล้าอธิบายยิ่งแผ่วลงๆจนจบประโยค
ทั้งสองยืมกุมมือก้มหน้านิ่งทั้งที่ในใจแทบจะหยุดเต้น
“ถ้าพวกนายสองคนมีปัญหาเรื่องการใช้สมองละก็
ฉันว่าฉันช่วยพวกนายได้นะ”
P.S ไว้อาลัยให้บอดี้การ์ดทั้งสองคนด้วยค่ะ
.........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น