Beloved little Treasure เธอคือสมบัติของผม
[English
translator thanks, trungtnguyen123.org]
บทที่ 102
“เธอเคยโดนพ่อตีด้วยเหรอ?”
“ไม่เคยค่ะ...”
“แต่ถ้าพ่อรู้ต้องตีฉันแน่ๆ
ฉันเคยเห็นในโทรทัศน์”
“ฉันคิดว่าถ้าพวกเขาจะตีเธอก็คงเป็นเรื่องที่เธอมีสมองน้อยซะมากกว่า
แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่า สวรรค์คงอยากให้เธอเป็นแบบนี้” ฮาวเหยียนเชอแกล้งแหย่ให้เธอลืมเรื่องขุ่นมัวก่อนหน้า
“นั่นมันไม่ใช่ความผิดของฉันนี่ค่ะที่สืบทอดความฉลาดจากแม่แต่ไม่ได้มาจากคุณพ่อเลย”
“ฉันเข้าใจล่ะ
พ่อกับแม่ของเธอก็คงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกันสินะ” ฮาวเหยียนเชอลูบผมเธออย่างใช้ความคิด
พวกท่านโดยเฉพาะพ่อของกุนกุนก็คงจะมีช่วงลำบากใจเหมือนกับเขาแน่ๆ
“คุณหมายความว่าไงคะ”
“ลองคิดดูเองสิ”
เมื่อกุนกุนเห็นว่าเขาเริ่มอารมณ์ดีเลยลองพูดเรื่องที่เธออยากขอ
กุนกุนกอดเขาไว้แน่นซุกตัวเข้าหาเหมือนลูกหมาก่อนจะอ้อนว่า
“เชอ...”
“อืม...” ฮาวเหยียนเชอกอดลูกหมาตัวน้อยของเขาแน่นขึ้นเพราะเสียงหวานของเธอที่เรียกชื่อเขา
“ตอนนี้คุณอารมณ์ดีใช่มั้ยคะ?”
“ก็เฉยๆ”
“ฉันอยากจะขออะไรบางอย่างได้มั้ยคะ?”
“อะไร?”
“คือฉันคิดถึงพ่อกับแม่มาก
ขอฉันกลับบ้านไปหาพวกเขาได้มั้ยคะ?” เธอเงยหน้าเพื่อสบตาเขา
ลูกตาแวววาวของเธอกระพริบถี่ๆ ทำให้ฮาวเหยียนเชอเหมือนเห็นหูลูกหมากระดิกได้บนศีรษะเธอ
“นะคะเชอ ฉันไม่ได้เจอพวกท่านมานานแล้ว
ฉันขอร้องคุณอนุญาตให้ฉันกลับไปหาพวกท่านนะคะ” แน่นอนว่าในใจของเขาไม่อยากให้กุนกุนห่างตัวเลยด้วยซ้ำ
แต่เมื่อเห็นว่าเขายังเงียบกุนกุนก็ไม่รีรอที่จะอ้อนวอนต่อไปว่า
“ฉันจะรีบไปรีบกลับนะคะ
แล้วก็จะให้คุณแม่ทำอาหารอร่อยๆมาฝากคุณด้วยดีมั้ย”
“เธอ...อยากไปเจอพ่อกับแม่หรืออยากไปหาน่าหลิวติงตูกันแน่?”
“ฉันอยากเจอทุกคนเลยค่ะ
แต่พี่ตูไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้วเขาย้ายออกไปอยู่ข้างนอกแล้วค่ะ”
“ฉันไม่อนุญาตให้เธอไปเจอเขานะ” อารมณ์หึงหวงแล่นปราดขึ้นมาทันทีเขาเลยเตือนแกมขู่แถมด้วยหยิกก้นเธอไปด้วย
“ฉันคงไม่ได้เจอพี่เขาหรอกค่ะ
พี่ตูงานยุ่งจะตาย”
“อ๋อ
ถ้าเขาไม่ยุ่งเธอจะวิ่งไปหาเขาหรือไง” ชายหนุ่มเริ่มพาล
“เปล่าค่ะ”
“เธอต้องกลับบ้านก่อนเที่ยงคืนนะ”
“ได้ค่ะ รับรองเลย ขอบคุณนะคะเชอ”
กุนกุนยิ้มกว้างและยืดตัวหอมแก้มเขา
“แต่...แต่ถ้าเธอมาสายแค่ 1 วินาที
ฉันจะทำโทษเธอ”
“ฉันสัญญาค่ะ
สัญญาว่าจะรีบกลับมาทันเวลาแน่ๆ
งั้นฉันขอไปเตรียมตัวแล้วก็โทรศัพท์หาพ่อกับแม่ก่อนนะคะ”
เมื่อเห็นว่ากุนกุนทำท่าจะลงจากตัก
ทำให้ฮาวเหยียนเชอถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะดักคอว่า
“จะรีบไปไหนล่ะ
ทานอาหารกลางวันด้วยกันก่อนค่อยไป”
“อ๋อ ได้ค่ะ”
เวลาบ่ายสามโมง
ยี่ทูรับหน้าที่เป็นสารถีขับรถพากุนกุนกลับไปส่งที่คฤหาสน์ตระกูลหยวน
ระหว่างกุนกุนยังคงเก้อเขินและกระดากอายเพราะเรื่องก่อนหน้า
“กุนกุน เธอไม่ต้องอายพี่หรอกน่า
พวกเราโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว” ยี่ทูพูดพร้อมกับยิ้มล้อเลียนทำให้กุนกุนหน้าแดงมากกว่าเดิม
ตอนนี้เธออยากจะมุดลงหลุมหนีหน้ายี่ทูจริงๆ
ก่อนหน้านี้หลังจากฮาวเหยียนเชอโทรศัพท์ไปสั่งให้ยี่ทูเป็นคนพาเธอกลับบ้าน
ทั้งสองก็ทานอาหารกลางวันด้วยกันจนเวลาผ่านไปพักใหญ่ ยี่ทูที่ตั้งใจจะเข้ามาเตือนให้กุนกุนเตรียมตัวก็เห็นภาพของเธอก้มเช็ดซอสมะเขือเทศที่หกอยู่บนพื้น
เขาคงจะเห็นจังหวะที่ก้นของกุนกุนอยู่ตรงหน้าฮาวเหยียนเชอพอดิบพอดี
ยี่ทูรีบก้มหน้าและพูดว่าให้พวกเธอใช้เวลากันอย่างเต็มที่
เขาจะลงไปรอที่รถจากนั้นก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วไม่ทันให้เธอได้อธิบาย
เหตุการณ์น่าอายที่เกิดขึ้นหลายๆครั้งทำให้กุนกุนยิ่งไม่กล้าสู้หน้ายี่ทูต่างจากฮาวเหยียนเชอที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อถึงหน้าคฤหาสน์กุนกุนแทบจะกระโดดลงจากรถทันทีแต่ก็ไม่ลืมหันมาโบกมือให้ยี่ทู
“ฉันไปก่อนนะคะ” เธอยิ้มแหยๆให้ก่อนจะหมุนตัววิ่งกลับเข้าบ้านโดยไม่ปล่อยให้ยี่ทูแกล้งเธอล้อเลียนเธอได้อีก
“พ่อคะ แม่คะ หนูกลับมาแล้วค่า” กุนกุนตะโกนตั้งแต่อยู่ด้านหน้าประตูใหญ่
เฟิงตูตูที่ได้ยินเสียงลูกสาวก็รีบวิ่งลงมาจากชั้นสอง
เธอกอดกุนกุนแน่นก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความคิดถึง
“กุนกุนลูกสาวแม่กลับบ้านซะที
แม่คิดถึงลูกจริงๆ”
“หนูก็คิดถึงแม่มากเหมือนกันค่ะ” สองแม่ลูกกอดกันอีกครั้งก่อนผู้เป็นแม่จะพากุนกุนไปที่ห้องนั่งเล่น
เปิดประตูเข้าไปกุนกุนก็ต้องประหลาดใจที่เห็นน่าหลิวติงตูนั่งอยู่บนโซฟา
“พี่ตู...” กุนกุนเรียกเสียงเบา
“น้ำเสียงเธอเหมือนไม่ดีใจที่เจอพี่เลยนะ”
เธอเลยเดินไปนั่งข้างๆเขาบนโซฟาตัวเดียวกันก่อนจะหอมแก้มพี่ชายและปลอบใจเขาว่า
“ก็คุณพ่อบอกว่าพี่งานยุ่ง
ฉันเลยไม่คิดว่าจะได้เจอพี่ที่บ้านนี่คะ”
ท่าทางของเธอแตกต่างจากทุกครั้งที่ได้เจอกัน
ทำให้คนเป็นพี่ชายใจเสียอีกอย่างกุนกุนก็ไม่ได้กอดเขาเหมือนเดิม
ติงตูพยายามบังคับตัวเองให้ยิ้มออกมาและลูบศีรษะเธอเบาๆ
“พี่รู้จากพ่อกับแม่ว่าเธอจะกลับบ้านวันนี้
เลยหาเวลามาหาไง เธอคิดถึงพี่มั้ย?”
“ค่ะ”
ติงตูยิ้มรับน้อยๆแม้จะเสียใจแต่เขาก็ดึงเธอให้ไปนั่งบนตักและจุมพิตที่แก้มนุ่มของเธอกลับไป
กุนกุนรู้สึกแปลกๆและอัดอัดใจที่ต้องนั่งบนตักเขามันไม่เหมือนตอนได้นั่งบนตักของฮาวเหยียนเชอ
เธอเลยนั่งเกร็งตัวแข็งซึ่งติงตูเองก็รู้สึกถึงอาการต่อต้านของเธอ
เขาตัดสินใจชวนเธอคุยเพื่อเบี่ยงประเด็น
“นี่เธอหนักขึ้นหรือเปล่า
พักนี้มีความสุขดีใช่มั้ย?”
“ใช่ค่ะ”
“ก็ดี” ติงตูตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเจือความหงุดหงิด
จังหวะนั้นเองหยวนติงหลิวก็เดินเข้ามาในห้องและดีใจที่ได้เห็นหน้าลูกสาว
“หยวนกุนกุน ยังไม่ลืมพ่อใช่มั้ย”
P.S. ใครที่ลุ้นให้นางเอกโดนกิน
แอบใบ้ว่าโดนกินแน่นอนค่ะ 555 แต่อย่างว่าพระเอกเราหึงโหดเพราะฉะนั้น “อาจจะ” ไม่ได้หวานแหว๋วแบบที่คิดกันไว้
ทำใจกันนิดนึงนะคะ // สปอยทำไมเนี่ย - -“
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น