Beloved little Treasure เธอคือสมบัติของผม
[English
translator thanks, trungtnguyen123.org]
บทที่ 69
“ฉันบอกว่าห้ามกินอาหารเช้า
ไม่ได้ห้ามกินข้าวกลางวัน ถ้าเธอไม่มีสมองคิดเองได้ก็สมควรปล่อยให้หิวตาย” พูดบ่นไปพลางก็เพิ่มน้ำหนักบนมือที่ดึงหูเธอไปด้วย
“อู๊ยย...หูฉันจะขาดแล้วนะคะ”
“ไปหาอะไรกินซะ”
เจ้านายหนุ่มสั่งเสียงแข็ง
กุนกุนยกมือปิดหูตัวเองไว้ “อย่าโกรธฉันเลยนะคะ
ฉันจะรอคุณทานอาหารเย็นพร้อมกัน”
ฮาวเหยียนเชอเห็นว่าเธอไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน
เลยผลักให้เธอลุกขึ้นจากตักของเขาก่อนจะพูดว่า “ฉันไม่ได้อยากให้เธอรอ
รีบไปหาข้าวกินซะ” หญิงสาวเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางหดหู่
23.00 น.
ฮาวเหยียนเชอนอนอ่านรายงานการทำงานอยู่บนเตียงนอน
“นายน้อย
ฉันขอไปหยิบของที่ห้องก่อนะคะ เดี๋ยวจะรีบกลับมา”
เจ้านายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจกุนกุน
เธอเลยเดินกลับไปที่ห้องนอนสีชมพูของตัวเอง และกลับมาพร้อมกับผ้านวมปูนอน
ผ้าห่มและหมอน เมื่อเห็นยัยข้าวปั้นหอบเครื่องนอนมาพะรุงพะรัง
ฮาวเหยียนเชอรีบวางรายงานลงบนโต๊ะข้างเตียงและมองดูเธอปูผ้าลงบนพื้นใกล้เตียงของเขา
ก่อนจะล้มตัวลงนอนและคลุมผ้าห่มไว้มิดคอ
“ราตรสวัสดิ์ค่ะ
นายน้อย” กุนกุนพูดก่อนจะหลับตาลง
ฮาวเหยียนเชอหางตากระตุก
เขารู้สึกผิดหวังจริงๆที่กุนกุนไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโกรธเธอ
“ฉันบอกเธอให้นอนได้แล้วเหรอ?”
คำถามรวนๆของเขาทำให้สาวน้อยที่กำลังจะหลับต้องลืมตาขึ้นและลุกยืนพร้อมกับมองหน้าฮาวเหยียนเชอที่นั่งทำหน้าเครียดบนเตียงด้วยอาการงงๆ
“เธอไม่กลัวว่าฉันจะฆ่าเธอตอนดึกๆหรือไง?”
อารมณ์ที่ไม่ปกติทำให้พ่นคำประชดประชันออกมา
กุนกุนเลยก้มมองดูระยะห่างระหว่างผ้าปูที่นอนของเธอกับเตียงของเขา
เธอเลยดึงผ้านวมที่ปูพื้นให้ออกห่างจากเตียงของเขาก่อนจะส่งยิ้มไปให้ด้วยความมั่นใจ
“ขอบคุณที่เตือนค่ะนายน้อย
คุณนี่ฉลาดที่สุดเลย”
ฮาวเหยียนเชอกุมขมับ
เขารู้สึกว่าหัวของเขากำลังจะระเบิดออกมา
“มานี่ !!” เสียงตวาดดังของเขาทำให้กุนกุนยืนตัวแข็งไม่กล้าก้าวเท้าออกไป
จนฮาวเหยียนเชอต้องลงจากเตียงไปอุ้มเธอและหันกลับมาโยนเธอลงบนเตียง
“เธอเป็นเด็กที่โง่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ”
“นายน้อย...” กุนกุนเรียกเขาก่อนจะคลึงศีรษะเธอที่ถูกโยนลงบนเตียงเมื่อกี้
แรงไม่น้อยเลยทำให้เธองงๆเหมือนกัน ฮาวเหยียนเชอไม่รอให้กุนกุนพูดต่อ
เขาลงไปทับตัวเธอไว้ก่อนจะจูบ จูบ และจูบจนปากสีแดงของเธอเห่อขึ้นมานิดๆ
“เด็กโง่..ใช้จมูกหายใจสิ”
เพราะเสียงพูดของเขาทำให้เธอได้สติและหายใจโดยใช้จมูกตัวเองอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเธอทำตามที่เขาบอกชายหนุ่มก็ดันตัวเองขึ้นมานั่งหันหลังให้กับเธอ
ไม่กี่วินาทีต่อมากุนกุนก็ลุกขึ้นและกระเถิบเข้ามาดึงเสื้อเขาเบาๆก่อนจะถามว่า
“นายน้อย
คุณบอกฉันได้มั้ยคะว่าฉันทำอะไรผิด ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอีก”
เสียงสำนึกผิดของเธอทำให้เขาเลยหันกลับมามองเธอด้วยท่าทางเย็นชาต่างจากเมื่อกี้ที่จูบเธออย่างร้อนแรง
“อย่าให้ฉันได้ยินคำว่า
น่าหลิวติงตู ออกจากปากของเธออีก”
“พี่ตู ? ทำไมละคะ?”
ฮาวเหยียนเชอหยิกแก้มเธอทันที “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่อนุญาตให้เธอเอ่ยชื่อเขาขึ้นมาอีก”
“เจ็บนะคะ...”
“ก็จำไว้สิ
ว่าอย่าพูดชื่อเขา” เขาสั่งเสียงกระแทกแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือออกจากแก้มเธอ
กุนกุนรีบพยักหน้า
เธอกลัวว่าแก้มของเธอจะขาดถ้ายังไม่รีบตกลง แต่คนเอาแต่ใจตรงหน้าก็ยังไม่พอใจ
เขาเลยใช้อีกมือหยิกก้นเธอแทน
กุนกุนเลยต้องรีบปัดเขาทั้งที่แก้มและที่บั้นท้ายของเธอออกก่อนจะมองเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร
“เธอมองอะไร ?”
ฮาวเหยียนเชอถามเสียงกวนๆกลับไป
สาวน้อยไม่ตอบแต่เลือกที่จะหันหน้ากลับไปอีกฝั่งและปิดปากไม่ให้มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา
ชายหนุ่มเลยต้องขยับตัวเข้าไปใกล้และเอื้อมมือไปจับหน้าเธอให้หันมา เขาอารมณ์เสียทันทีเหมือนเห็นเธอร้องไห้
“เธอจะร้องไห้ทำไม”
กุนกุนพยายามเช็ดน้ำตา
“ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามร้องไห้”
เธอหนีสัมผัสจากมือเขาก้มหน้าลงก่อนจะบ่นอู้อี้ว่า “คุณชอบแกล้งฉันตลอด”
ฮาวเหยียนเชอเลยดึงเธอมากอด “ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องจริง
แต่เธอก็ห้ามร้องไห้”
“มันเจ็บนะคะ
เวลาคุณหยิกก้นฉัน”
“ก็เธอสมควรโดน”
ฮาวเหยียนเชอพูดเสียงเบาก่อนจะค่อยๆลูบบั้นท้ายของเธอแทนการหยิก
หญิงสาวรู้สึกว่าเธอค่อยๆจะชินกับอารมณ์ที่แปรปรวนของเขาแล้ว
“ฉันขอสั่งเธออีกครั้งนะ
ห้ามเธอพูดชื่อเขาออกมาอีก”
“คุณหมายถึงใครคะ”
“น่า-หลิว-ติง-ตู”
ฮาวเหยียนเชอพูดเน้นชัดๆทุกคำราวกับต้องการให้มันซึมลงไปในสมองเปล่าๆของเธอ
“ทำไมละคะ” กุนกุนขมวดคิ้วเธอไม่เข้าใจว่าทำไมฮาวเหยียนเชอต้องเกลียดพี่ชายของเธอขนาดนี้ทั้งๆที่เขาทั้งสองแทบจะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน
“ที่เธอจำเป็นต้องรู้และจำใส่สมองน้อยๆของเธอไว้คือ
ไม่ต้องพูดชื่อนั้นขึ้นมาอีกแค่นั้นพอ เข้าใจที่ฉันพูดบ้างมั้ยเนี่ย ?”
สาวน้อยพยักหน้ารับทั้งๆที่ในใจเธอไม่เห็นด้วยกับเขาก็ตาม
P.S. ใครก็ได้ช่วยพากุนกุนไปล้างสมองหรือดึงสติทีค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น